Kenko Black Mist Filter คือ Diffusion Filter หรือฟิลเตอร์ที่ใส่เพื่อสร้าง Effect พิเศษให้กับภาพของเรานั่นเอง โดยที่ Black Mist Filter จะลด contrast ของโดยรวมของภาพลง หรือพูดง่าย ๆ ทำให้ Soft ลง นั่นเอง ส่วนที่โดนเยอะก็จะเป็นในส่วนของ Highlight แต่ส่วนที่โดนน้อยแทบไม่มีผลเลยก็จะเป็นในส่วนของ Shadow หรือส่วนมืดนั่นเอง
ทำไมต้องใส่ Black Mist?
เมื่อก่อนสมัยกล้องฟิล์ม Diffusion Filter นั้นมีมากมายหลากหลาย เพราะไม่สามารถสร้าง Effect ได้สะดวกมากมายนักในกล้องฟิล์ม แต่ทุกวันนี้โปรแกรมอย่าง Photoshop เข้ามาแทนที่ Diffusion Filter ที่ยังนิยมใช้กันอยู่ก็เหลือแค่ฟิลเตอร์ไม่กี่แบบ และหนึ่งในนั้นที่ยังใช้กันต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ก็คือ Black Mist Filter นั่นเอง
เหตุผลหลัก ๆ น่าจะมาจากที่วงการภาพยนต์ยังคงใช้กันอยู่ต่อเนื่องตั้งแต่ยุคแรกเพื่อสร้าง Effect โดยที่จะได้ลดการทำ Post Production ไปได้เยอะ ส่วนสมัยนี้ใส่เพื่อให้เกิดความ Cinematic นั่นเอง คือให้อารมณ์เหมือนถ่ายด้วยฟิล์มสมัยก่อนนั่นเอง สำหรับสายภาพนิ่งจริง ๆ แล้วก็ยังเห็นใช้กันอยู่เยอะเช่นกัน โดยเฉพาะช่างภาพทางฝั่งต่างประเทศ
ผลลัพท์จากการใส่ Black Mist Filter นอกจากภาพจะดู Soft ลง หากในภาพมีคนอยู่ผิวก็จะดูเนียนขึ้นด้วย และหากในภาพมีหลอดไฟ เทียน หรือแหล่งกำเนิดแสงอื่น ๆ ก็จะทำให้เกิดรัศมีนวล ๆ ที่บริเวณแหล่งกำเนิดแสงนั้น ๆ ด้วย
Kenko Black Mist filter
ตัวที่ใช้ในรีวิวนี้เป็น Kenko Black Mist Filter ซึ่งก็เป็นแบรนด์ที่รู้จักคุ้นเคยกันดีของช่างภาพ ในฐานะเป็นแบรนด์ฟิลเตอร์คุณภาพจากประเทศญี่ปุ่น ที่สำคัญ Made in Japan ซะด้วย โดยที่มีด้วยกันสองเบอร์ด้วยกัน นั่นก็คือ Kenko Black Mist No.01 และ Kenko Black Mist No.05 ความแตกต่างหลัก ๆ ของสองเบอร์นี้นั่นก็คือ Effect เรื่องความฟุ้งนั่นเอง ถ้าเป็น Black Mist No.01 จะมีความฟุ้งมากกว่า Kenko Black Mist No.05 แล้วแต่ความชอบ แล้วแต่ว่าจะสื่ออะไรในซีนนั้น ๆ
ไม่ใส่ฟิลเตอร์
ใส่ฟิลเตอร์ Blackmist No.05
ใส่ฟิลเตอร์ Blackmist No.1
วัสดุ
Kenko Black Mist Filter จะเป็น Filter แบบเกลียว คือหมุนไปกับหน้าเลนส์เราได้เลย มีให้เลือกมากมายหลายหน้ามาตรฐานตั้งแต่หน้า 49 , 52 , 55 , 58 , 62 , 67 , 72 , 77 , 82mm เราเลือกใช้ให้เหมาะกับขนาดหน้าเลนส์ของเรา
วัสดุของขอบฟิลเตอร์จะเป็นอลูมิเนียม น้ำหนักเบา ทนทาน ส่วนชิ้นแก้วก็มีความหนาใช้ได้ คาดว่าน่าจะมีความทนทานในระดับนึงเลย
Black Mist Filter จะเหมาะและเป็นที่นิยมมาก ๆ ในการถ่ายย้อนแสง ถ่ายแบบคู่กับไฟกลางคืน หรือถ่ายวิวก็ยังมีให้เห็นเช่นกัน ให้อารมณ์เหมือนกับการถ่ายจากกล้องฟิล์ม มีความไม่สมบูรณ์แบบ มีความแตกต่างจากภาพของกล้องดิจิทัลสมัยนี้ ซึ่งก็สามารถสร้างความแตกต่างและลูกเล่นให้ภาพเราไม่เหมือนกับคนทั่วไปได้
ส่วนในรีวิวนี้ผมใช้ในการถ่ายภาพนิ่ง ถ่าย Portrait ซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็ให้ผลลัพท์เป็นที่น่าพอใจ นางแบบเองก็บอกว่าชอบครับ ฮ่า ๆ ต้องยกความดีความชอบให้เจ้า Kenko Black Mist Filter
จากการทดสอบความใสของฟิลเตอร์คือเปรียบเทียบภาพที่ใส่กับไม่ใส่แสงต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถือว่าทำออกมาได้ดีมาก ๆ
ต่างจากการเพิ่ม Clality ใน LR ยังไง?
หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าแล้วมันจะต่างจากการไปลด Clality ใน LR ยังไงในเมื่อมันก็ฟุ้งเหมือนกัน บอกตรงนี้ได้เลยว่าต่างครับ
เวลาที่เราลด Clality ใน LR ภาพจะเหมือนจะถูกลด Clality ลงทั้งภาพทุกส่วนจะโดนกันหมดไม่ว่าจะเป็นส่วนมืดส่วนสว่าง แต่ถ้าใช้ Black Mist มันจะเหมือนเรามีหมอกสีดำมาบังไว้ ส่วนที่จะโดนเยอะอย่างที่บอกไปข้างต้นนั่นก็คือส่วนสว่างหรือ highlight ส่วน ๆ มืดจะโดนน้อยมาก ๆ ซึ่งความ Soft แบบ Black mist จะดูมี Dynamic มากกว่า ไหนจะเอฟเฟ็กต์ของการที่หลอดไฟ แหล่งกำเนิดแสง มีรัศมีไฟนวลขึ้นมาอีก อันนี้เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก ๆ
สรุป
โดยส่วนตัวผมเป็นคนที่ชื่นชอบการใช้ Black Mist Filter มาก ๆ ใช้หมดไม่ว่าจะเป็น ภาพนิ่งหรือวีดีโอ เพราะให้ความรู้สึกถึงความ Cinematic ความไม่คมจนเกินไป ความฟุ้ง ความฟิล์ม กลายเป็นว่าขาดไม่ได้ ต้องพก Kenko Black Mist ติดกระเป๋าไปด้วยในทุก ๆ ครั้งที่ต้องออกไปถ่ายภาพหรือวีดีโอ จะใช้ไม่ใช้ว่ากันอีกที แต่ต้องติดไปตลอดครับ