Kenko Celeste UV ฟิลเตอร์ระดับ High End

          ก่อนจะไปดูตัวฟิลเตอร์ของเรานะครับ จะมีคำถามว่า แค่ฟิลเตอร์ใสๆอย่าง UV (หรือ Protecter  ก็แล้วแต่) ทำไมต้องไปซีเรียสกับมันด้วย กระจกบางๆแผ่นเดียวทำไมราคาเป็นพันก็มี แค่เอามาป้องกันหน้าเลนส์เอง ใช่ครับ แค่ป้องกันหน้าเลนส์ แต่จะดีกว่าถ้าการป้องกันนั้นสามารถทำได้ยาวนานขึ้น ทนขึ้น และไม่ไปกระทบกับคุณภาพของภาพถ่ายของเราที่ผมจะทดสอบต่อไป เลนส์ของเราก็เป็นแก้วหลายๆชิ้น ฟิลเตอร์เราก็เช่นกัน เลนส์ดีๆเราซื้อมาแพงครับเป็นหมื่น บางตัวเป็นแสน เราเอาฟิลเตอร์มาบังหน้าเลนส์เรา อย่าทำให้คุณภาพเลนส์แพงๆ มาลดลงเพราะฟิลเตอร์บางๆที่ว่าเลยครับ มันก็จะเสียดายของอยู่หน่อยๆ

          กล่องด้านนอกมาในโทนสีขาวฟ้าตามชื่อ Celeste แปลได้ว่า มาจากสวรรค์ ท้องฟ้า อะไรประมาณนี้ พร้อมชื่อซีรี่ส์สีทอง

          ด้านในเป็นกล่องแบบพลาสติกใสหนาๆดูแข็งแรงมาก รองโฟมอัดมาให้ครับ

เทียบความหนากับ Kenko รุ่นก่อน กับแบรนด์อื่นๆ

ไม่ใช่แค่บางลง แต่ขอบแคบลงด้วย เพื่อให้เกิดขอบดำน้อยที่สุดเมื่อใช้กับเลนส์กว้างมากๆ

 

การทดสอบแรก

         ผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเห็นผลอะไรชัดเจน แต่ไหนๆก็ไหนๆละ ผมมีฟิลเตอร์แบรนด์ต่างๆที่อยู่ในระดับเดียวกันแต่ขอไม่บอกยี่ห้อนะครับ เราจะมาทดสอบความใสของมันกันครับ

          ทดสอบการกินแสง ฟิลเตอร์ใส ก็ต้องใส จริงมั้ยครับ 2 ตัวด้านบน เป็น Kenko ทั้งคู่แต่ตัวขวาบนคือ Kenko Celeste ที่เป็นพระเอกของเราครับ เพี้ยนน้อยที่สุด ตอนทดสอบ มองด้วยตาเปล่าจะไม่ค่อยชัดเจนผมเลยเอามาจิ้มกับ Color Picker ดู ก็รู้ว่าฟิลเตอร์ใสๆบางตัวก็ทำแสงหายไปนิดหน่อย บางตัวก็มีผลกับ White Balance อีกด้วยครับ

ถ่ายทอดสีที่ตรงกับความเป็นจริงที่สุดครับ

 

ภาพใสไม่มีแฟลร์เพราะ Super ZR Coating

          อย่างที่กล่าวไว้ในช่วงแรก เลนส์ดีๆเราซื้อมาราคาแพงๆ จะมาเอากระจกอะไรก็ไม่รู้กั้นอยู่ข้างหน้าให้คุณภาพมันลดลง ก็คงไม่ดีแถมบางทียังมีแฟลร์มากวนตากวนใจอีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อในภาพมีแหล่งกำเนิดแสงโดยตรง ฟิลเตอร์ที่โค้ทติ้งไม่ดี จะถูกฟ้องออกมาอย่างชัดเจน

          สำหรับ Celeste Series ที่มี Super ZR Coating จะเห็นได้ชัดว่า แฟลร์จากแหล่งกำเนิดแสงเหลือน้อยมากจนแทบไม่มีเลย เมื่อเทียบกับภาพที่ไม่ได้ใส่ฟิลเตอร์ใดๆ ส่วนฟิลเตอร์แบรนด์อื่นๆ ก็จะมีให้เห็นบ้าง ซึ่งอาจจะแสดงออกมาเป็นคอนทราสที่ลดลงครับ

ภาพย้อนแสงแรงๆแบบนี้ ถ้าฟิลเตอร์ไม่ดี มีแฟลร์แน่นอน

แม้แต่ไฟเมืองในตอนกลางคืน ก็สามารถทำให้เกิดแฟลร์ได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่กับ Kenko Celeste ตัวนี้ครับ

 

ทำความสะอาดง่ายด้วยเทคโนโลยีการเคลือบ Anti Stain Coating

          ตามสเป็คที่ทาง Kenko ได้บอกมาก็คือ ฟิลเตอร์ Celeste Series นี้ จะเคลือบ ASC เอาไว้ ซึ่งจะทำให้หยดน้ำที่มาเกาะทำมุมมากขึ้น ติดบนผิวแก้วน้อยลง ทำให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น ฝุ่นเกาะยาก เช็ดถูทำความสะอาดง่ายไม่เป็นรอยขนแมว

          เทสต์แบบง่ายๆกับฟิลเตอร์แบรนด์  ด้วยฟ้อกกี้ฉีดน้ำ พ่นๆเข้าไปจะเห็นได้ชัดเลยว่าหยดน้ำที่เกาะอยู่บนฟิลเตอร์ Kenko Celeste นั้น เป็นไปตามสเป็คเลย คือเกาะเป็นหยดใหญ่ๆ ไม่กระจายออก

          ใช้ลูกยางโบลวเวอร์เป่าลมแค่สองสามครั้ง หยดน้ำก็กระจายออกไปทั้งหมด ส่วนแบรนด์อื่นๆก็จะกระจายออก เกาะบนผิวอยู่บ้างเป็นหยดเล็กๆ

           ลองเอากระดาษทิชชู่เช็ดดูครับ หลายๆตัวทิ้งคราบน้ำไว้ให้ ต้องเช็ดเพิ่มเติมแต่ Celeste นั้นจริงๆแทบไม่ต้องเช็ดเพราะน้ำไม่เกาะตั้งแต่เป่าแล้วครับ

          ไม่ใช่แค่หยดน้ำ แต่ฟิลเตอร์ยังป้องกันสิ่งสกปรกได้ดี แม้ว่าจะเอาปากกาเคมีมาเขียน ก็แทบไม่ติด หมึกที่ลงไปฟอร์มตัวเป็นหยดหมึกเล็กๆแทน

          ซึ่งก็แน่นอนว่า เช็ดทำความสะอาดง่ายนิดเดียวครับ ปาดสองสามทีก็หมด ส่วนที่ไม่มี ASC นั้น ก็ถูวนไปครับ

          นั่งเรือเจอละอองน้ำทะเลก็ไม่ต้องห่วงหน้าเลนส์

          ฝุ่นละอองจากดินก็เป่าๆออกง่ายๆครับ

 

   จริงๆแล้วฟิลเตอร์ใสๆที่ดูเหมือนไม่ต้องไปซีเรียสกับมัน แต่อย่างผมเองจะไม่ค่อยปิดฝาเลนส์ (จนกว่าคิดว่าวันนั้นจะไม่ถ่ายรูปแล้วหรือเก็บกล้องแล้ว) การที่จะมีอะไรมาป้องกันเลนส์ของเราแต่ยังสามารถถ่ายทอดภาพให้เต็มศักยภาพก่อนที่จะไปถึงเลนส์ของเราอีกที ก็น่าจะเลือกให้ดีๆไปเลยครับ 

           ซึ่ง Kenko Celeste Series ก็เป็นฟิลเตอร์ซีรี่ส์ใหม่ที่ตอกย้ำถึงประสบการณ์การพัฒนาฟิลเตอร์ที่ยาวนานมาจนถึงปีที่ 60 และนอกจาก Filter UV แล้วในซี่รี่ส์ Celeste ก็จะยังมี C-PL ให้ได้เลือกซื้อใช้งานอีกด้วย

Share...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Line
Messenger
Email
Phone
Messenger
Line
Phone
Email